หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ
นายชาตรี พบบาดมือข้างซ้าย ลักษณะถูกของมีคม และมีรอยฟันกัด
จากการให้ปากคำมีลักษณะเป็นพิรุธ จึงตรวจสอบ DNA ในที่สุดสารภาพว่า
เป็นผู้ก่อเหตุจริง "ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า ก่อนเหตุเหตุดื่มเบียร์ไป 1
ขวด ที่ห้องพักตนเองจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ
และได้กอดแฟนตัวเองซึ่งเป็นสาวประเภทสองและขอร่วมเพศ แต่แฟนไม่ยอม
จึงเดินไปห้องของผู้ตายซึ่งประตูไม่ได้ล็อก จึงเข้าไปเพื่อจะข่มขืน
ขณะที่ตนเองพยายามจะข่มขืน ผู้ตายตื่นมา จึงตกใจ ร้องโวยวาย
จึงเกิดความกลัวใช้มือปิดปากผู้ตายพร้อมใช้มีดที่วางอยู่ข้างๆตัว
ปาดที่คอจนแน่นิ่ง พร้อมกับทิ้งมีดไว้ในห้องที่เกิดเหตุ
หลัง
จากนั้นได้กลับห้องตนเอง อาบน้ำเพื่อล้างคราบเลือดที่ติดมากับเสื้อผ้า
และพบว่า หลังมือซ้ายมีแผลถูกมีดบาด เลือดยังไหลไม่หยุด
จึงนำเสื้อตัวที่ใส่ก่อเหตุมาพันมือ เพื่อห้ามเลือด
และกลับไปนอนกับแฟนที่ห้องพักแล้วตื่นเช้าไปทำงานตามปกติ"
ทั้ง
นี้ นายชาตรี เคยก่อเหตุข่มขืนภรรยาของเพื่อนมาแล้วเมื่อปี 2556
ต้องโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน พึ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือน ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา
ด้านนายชาตรี กล่าวต่อว่า เคยพูดคุยกับผู้ตายมาบ้าง รู้จักประมาณ 4-5
เดือน ไม่ได้จีบ แต่ชอบ วันเกิดเหตุเห็นประตูไม่ได้ล็อก
ไม่ได้งัดประตูเข้าไป ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน ก่อเหตุแค่อยากได้ทรัพย์สิน
การข่มขืนนั้น ตนยังกระทำการไม่เสร็จ เพราะผู้ตายดิ้นก่อน
และผู้ตายก็ส่งเสียงกรี๊ดขึ้นมา
ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้นอยู่ในห้องผู้ตายไม่ได้เตรียมมา
ขณะที่เดินเข้าไปในห้องนั้น ได้เดินไปสะดุดปลั๊กไฟ ผู้ตายเลยรู้สึกตัว
ที่ลงมือก่อเหตุเพราะกลัวคนอื่นจะรู้
"หลังก่อเหตุไม่ได้หนีไปไหน คิดว่า ทำผิดเลยยอมรับ
ส่วนหลังก่อเหตุไม่ได้บอกอะไรแฟน เสื้อที่ถลกขึ้น นายชาตรี กล่าวว่า
เป็นเพราะผู้ตายดิ้น เลยหลุดเอง ไม่ทราบว่าผู้ตายมีแฟนอยู่แล้ว
ก็เสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษครอบครัวด้วย"นายชาตรี กล่าว






0 comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.